วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนสัปดาห์ที่2


บันทึกอนุทิน ครั้งที่2

วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ

วันอังคาร ที่26 เดือนสิงหาคม  พ.ศ. 2557

ความรู้ที่ได้รับวันนี้

ความหมายของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

         ทางด้านการแพทย์ มักเรียกเด็กพิเศษ "เด็กพิการ"  หมายถึง  เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง สูญเสียสมรรถภาพ  อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา                                
                                                                                                                                                                   
ทางกายศึกษา หมายถึง เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องการจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร กระบวนการใช้ และการประเมินผล (ใช้แผน 1 แผน/เด็ก 1คน ถึงแม้ว่าเด็กอาการเดียวกันก็ตาม ) 
  

         สรุป

          1 เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควร ควรให้ควาใช่วยเหลือและการสอนปกติ

          2 มีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางด้านร่างกาย สติปัญญาและสังคม

          3 จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น ช่วยเหลือ การบำบัด และฟื้นฟู (เด็กพิเศษทำได้เหมือนเด็กปกติได้แต่อาจจะช้า)

         4 การจัดการเรียนการสอนให้เหมาะกับลักษณะและความต้องการของแต่ละบุคคล (เด็กสามารถเลี้ยงดูได้)


พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

1เด็กปกติพัฒนาได้ดีขึ้น แต่เด็กพิเศาเป็นเส้นตรงและลงเรื่อยๆ

2การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆรวมทั้งตัวบุคคล

3ทำให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านพัฒนาการ (จะไม่เป็นตามขั้น)

1 เด็กที่มใีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน

2 พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หลายๆด้านหรือทุกด้าน


ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก

 ปัจจัยทางด้านชีวภาพที่ดี เช่น พันธุกรรม ร่างกาย โครโมโซม ยีนส์

ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด เช่น กินเหล้า ไม่คุยกับลูกขณะอยู่ในท้อง ดูดบุหรี่

ปัจจัยทางด้านกระบวนการคลอด เช่น ฝีมือหมอระหว่างคลอด

ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด เช่น การดูแลเรื่องอาหาร จิตใจ การใส่ใจ การตบตีของพ่อแม่ 
ทำให้ลูกเกิดอแารมณ์รุนแรง สภาวะทางจิตใจทางอารมณ์ของครอบครัว


 สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางด้านต่างๆ

         1 พันธุกรรม เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เห็นอาการได้ชัด เด็กจะมีพัฒนาการล่าช้ามาตั้งแต่เกิดหรือสังเกตได้ชั่วระยะไม่นานหลังเกิด มักมีลักษณะผิดปกติแต่กำเนิดร่วมด้วย  เช่น
 Albinism (ผิวเผือก) ห้ามโดนแดด ผิวจะไหม้ ต้องอยู่แต่ในบ้าน อายุไม่ค่อนยืน 
 Neurofibromotosis (เท้าแสนปม) เป็นเนื้องอกขึ้นตามตัว แต่ไม่เจ็บ ตัวตุ่มไม่ได้ทำอันตราย ไม่มีการตรักษาที่หายขาด อาการหนัก 8000-9000ตุ่มทั้งตัว
Cleft Lip/Cleft Palate (ปากแหว่ง/เพดานโหว่)  เกิดมาเห็นอาการทันที พออายุประมาณ 3-4 เดือนควรรีบไปผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ถ้าปล่อยไว้จะบกพร่องทางภาษาการพูด  
ปากแหว่งมี 3อาการ   1) แหว่งไม่สมบูรณ์  2) แหว่งสมบูรณ์ข้างเดียว  3) แหว่งสมบูรณ์ทั้งสอง

2 โรคของระบบประสาท เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการส่วนใหญ่ พบบ่อยสุด คือ อาการชัก

      3 การติดเชื้อ การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ศรีษะเล็กผิดปกติ มีกฃอาการม้ามโต การได้ยินบกพร่อง ต้อกระจก

    4 ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม โรคที่ยังเป็นปัญหาของสาธารณะสุขไทย คือ ไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำ 

      5 ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด    การเกิดก่อนคลอด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยและขาดภาวะออกซิเจน

      6 สารเคมี ได้แก่ สารตะกั่ว แอลลกอฮอล์ 

7 การเลี้ยงดูไม่เหมาะสมทั้งการขาดสารอาหาร

8 สาเหตุอื่นๆเช่น ไม่ดูแลปล่อยจนเกิดอุบัติเหตุ เช่น แขนขาพิการ





ประเมินผล

ประเมินตนเอง

            เข้าใจความหมายของเด็กพิเศษมากขึ้นทั้งความหมายทางการแพทย์ คือเด็กพิการ เด็กบกพร่อง ส่วนความหมายทางกายภาพ คือเด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตนเอง พยายามจดเนื้อหาที่สำคัญจากอาจารย์ได้ยกตัวอย่าง

ประเมินเพื่อน 

            เพื่อนๆส่วนมากจะตั้งใจเรียน แต่บางส่วนคุยกันเสียงดังและชอบเล่นโทรสัพท์ไม่ตั้งใจขณะที่อาจารย์สอน

ประเมินอาจารย์ 

            อาจารย์สอนดี สร้างบรรยากาศที่ดีน่าเรียนไม่ง่วงถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงบ่ายก็ตาม เ้พราะอาจารย์จะมีการเล่าประสบการณ์ที่เคยพบมาเล่าบ่อยๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น